นโยบายความเป็นส่วนตัว

บริษัท ทานตะวันอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) (ต่อไปนี้จะเรียกว่า “บริษัท”) ให้ความสำคัญในการรักษาความปลอดภัยและเคารพสิทธิในข้อมูลส่วนบุคล จึงจัดให้มีนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้เพื่อให้ทราบถึงนโยบายเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม การใช้ และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลธรรมดา ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 (“พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล”) กฎหมาย และ/หรือ กฎเกณฑ์อื่นที่เกี่ยวข้อง

โดยนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้จะแจ้งให้ทราบถึงวิธีการที่บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ประเภทข้อมูล และวัตถุประสงค์ในการดำเนินการดังกล่าว รวมถึงรายละเอียดเกี่ยวกับแหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูล การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บุคคลภายนอก สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล การรักษาความลับและความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล และวิธีการติดต่อกับบริษัท

  1. บทนำ
    1.1. “ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลธรรมดาซึ่งทำให้สามารถระบุตัวตนของบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

    1.2. “ข้อมูลละเอียดอ่อน” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็น ทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใด ซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด

    1.3. นโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ใช้สำหรับลูกค้าบุคคลธรรมดา คู่ค้าของบริษัท พันธมิตรทางธุรกิจ นักลงทุน ผู้ถือหุ้น ผู้มีส่วนได้เสีย และ/หรือบุคคลธรรมดาที่เกี่ยวข้องกับบริษัท รวมทั้งลูกค้าองค์กรธุรกิจในส่วนของกรรมการ ผู้รับประโยชน์ที่แท้จริง พนักงาน และผู้แทนโดยชอบด้วยกฎหมายของลูกค้าองค์กรธุรกิจ รวมถึงบุคคลธรรมดาอื่นที่มีอำนาจในการกระทำการแทนลูกค้าองค์กรธุรกิจ (ต่อไปนี้จะเรียกรวมกันว่า “ท่าน”)

    1.4. นโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้อาจใช้ประกอบกับประกาศ ระเบียบ ข้อกำหนด นโยบายอื่น สัญญา ข้อความในเอกสารให้ความยิมยอม และ/หรือวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เกี่ยวกับเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม การใช้ และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อบริษัท

    โปรดอ่านนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้อย่างละเอียดก่อนให้ข้อมูลกับบริษัท หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับข้อมูลที่ได้ให้ไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ สามารถติดต่อสอบถามบริษัทได้ รายละเอียดการติดต่อสอบถามอยู่ตอนท้ายของนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้
  1. การเก็บรวบรวมและการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
    การให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านนั้นต้องเกิดจากความสมัครใจ และโดยความยินยอม โดยการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะกระทำเฉพาะกรณีที่จำเป็น มีวัตถุประสงค์ ขอบเขต ใช้วิธีการที่ชอบด้วยกฎหมาย หรือมีฐานทางกฎหมายในการเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเท่านั้น ตามพ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล กฎหมายและกฎระเบียบอื่นที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นธรรม
    โดยวัตถุประสงค์ และฐานทางกฎหมายในเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลของบริษัทมีดังต่อไปนี้

    2.1. การปฏิบัติตามกฎหมายของบริษัท
    บริษัทต้องดำเนินการตามกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง บริษัทจึงมีความจำเป็นจะต้องเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายและกฎระเบียบของหน่วยงานรัฐ และ/หรือหน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลบริษัท ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้

    ก) เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งและอาญา กฎหมายภาษีอากร กฎหมายองค์กรธุรกิจ กฎหมายบริษัทมหาชนจำกัด กฎหมายหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กฎหมายเกี่ยวกับการขนส่งทางทะเล กฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ กฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ กฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค และกฎหมายอื่นที่บริษัทต้องปฏิบัติติตาม ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ

    ข) เพื่อปฏิบัติตามกฎระเบียบ และ/หรือคำสั่งของผู้มีอำนาจ เช่น คำสั่งศาล พนักงานสอบสวน ระเบียบกรมขนส่ง คำสั่งของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ระเบียบของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กระทรวงพาณิชย์ กรมการค้าภายใน สํานักงานตรวจคนเข้าเมือง กรมศุลกากร การท่าเรือแห่งประเทศไทย คำสั่งและ/หรือหรือระเบียบของหน่วยงานรัฐ หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจอื่นของรัฐ เป็นต้น

    ค) เพื่อปฏิบัติตาม พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562

2.2. สัญญาที่ได้ทำไว้ระหว่างท่านกับบริษัท
บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปใช้ตามคำขอและ/หรือ ข้อตกลงที่ท่านได้ทำไว้กับบริษัท ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
ก) ดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของสัญญา
ข) ติดตามหรือบันทึกการปฏิบัติตามสัญญาของท่าน
ค) จัดทำรายงานต่างๆ เพื่อประโยชน์ของท่านหรือของบริษัท ตามวัตถุประสงค์ของสัญญา
ง) การแจ้งชำระหนี้

2.3. ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
เพื่อการดำเนินงานที่จำเป็นภายใต้ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น โดยไม่เกินขอบเขตที่ท่านสามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผล ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้

ก) รักษาความปลอดภัย เช่น การบันทึกภาพกล้องวงจรปิด CCTV การลงทะเบียน แลกบัตร และ/หรือบันทึกภาพ ผู้ติดต่อก่อนเข้ามาในบริเวณพื้นที่ของบริษัท

ข) บริหารจัดการความเสี่ยง ตรวจสอบ เฝ้าระวัง ป้องกันการก่อการร้าย การประพฤติโดยมิชอบ การก่ออาชญากรรมอื่นๆ หรือกระทำความผิดตามกฎหมาย

ค) บันทึกภาพและ/หรือเสียงเกี่ยวกับการประชุม อบรม สัมมนา สันทนาการ งานจัดแสดงสินค้าและบริการ หรือกิจกรรมส่งเสริมการตลาดอื่นๆ

ง) จัดการความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับบริษัท และเพื่อตอบสนองความต้องการของท่าน ไม่ว่าโดยการติดต่อทางใดก็ตาม เช่น จัดการข้อเรียกร้องของท่าน การทำแบบแสดงความคิดเห็น

จ) เพื่อการปรับปรุงพัฒนาสินค้าและบริการ รวมถึงระบบต่างๆ เพื่อประโยชน์สูงสุดในการให้บริการท่าน

ฉ) กรณีลูกค้าองค์กรธุรกิจ นิติบุคคล บริษัทจะมีการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของกรรมการ ผู้มีอำนาจกระทำการแทน ลูกจ้าง ตัวแทน และ/หรือผู้ที่ติดต่อกับบริษัท

ช) เมื่อท่านส่งคำร้องเรียนเมื่อพบการกระทำความผิดหรือการประพฤติโดยมิชอบภายในบริษัท

ซ) เพื่อประโยชน์ของท่าน และการขอความยินยอมไม่อาจกระทำได้ในเวลานั้น

2.4. ความยินยอมของท่าน
ในบางกรณีบริษัทอาจมีการขอความยินยอมจากท่านในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อให้ท่านได้รับประโยชน์สูงสุด หรือเพื่อให้บริษัทสามารถให้บริการที่ตอบสนองต่อความต้องการของท่านหรือตามข้อบังคับ และ/หรือกฎหมายกำหนด ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้

ก) กรณีมีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว เช่น ใช้ข้อมูลการจดจำใบหน้า ลายนิ้วมือ หรือภาพถ่ายบัตรประจำตัวประชาชนของท่าน ซึ่งในบัตรดังกล่าวจะมีข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวของท่าน ได้แก่ ศาสนา และ/หรือกรุ๊ปเลือดอยู่ เพื่อการยืนยันตัวตน

ข) เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลใดๆ ของท่านไปวิจัยและวิเคราะห์เพื่อประโยชน์สูงสุดในการพัฒนาบริการหรือผลิตภัณฑ์อื่นใด การจัดทำฐานข้อมูล และบริการที่ตอบสนองต่อความต้องการของท่าน และ/หรือติดต่อท่านเพื่อเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และสิทธิประโยชน์ที่เหมาะสมแก่ท่านโดยเฉพาะไม่ว่าโดยช่องทางใดๆ ของบริษัท และ/หรือบุคคลที่เป็นตัวแทน หรือมีความเกี่ยวข้องกับบริษัท และ/หรือของบุคคลอื่น และเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดที่ไม่ต้องห้ามตามกฎหมาย และ/หรือเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายหรือกฎระเบียบที่ใช้บังคับกับบริษัท ทั้งขณะนี้และภายภาคหน้า

ค) กรณีมีความจำเป็นต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ ซึ่งอาจมีมาตรฐานในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่เพียงพอ (เว้นแต่เป็นกรณีที่ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดให้สามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอม)

ง) กรณีท่านเป็นผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ คนเสมือนไร้ความสามารถ ซึ่งต้องได้รับความยินยอมจากบิดามารดา ผู้ปกครอง ผู้อนุบาล หรือผู้พิทักษ์ แล้วแต่กรณี (เว้นแต่เป็นกรณีที่ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดให้สามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอม)

จ) ข้อมูลอื่นใด ที่จะเป็นประโยชน์ในการให้บริการ ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวข้างต้น บริษัทจะขอความยินยอมจากท่านก่อนทำการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

ทั้งนี้บริษัทจะดำเนินการให้เจ้าของข้อมูลรับรู้และให้ความยินยอม ผ่านช่องทางใดช่องทางหนึ่งไม่ว่าจะโดยทางอิเล็กทรอนิกส์ กล่องทำเครื่องหมาย (Checkbox) แทบตัวเลือก (Opt-in/Opt-out) โดยเอกสารและ/หรือตามแบบวิธีการที่บริษัทกำหนด

2.5. ฐานทางกฎหมายอื่นๆ
นอกเหนือไปจากฐานทางกฎหมายข้างต้น บริษัทอาจเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้ฐานทางกฎหมายอื่นดังต่อไปนี้
ก) จัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือที่เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยหรือสถิติ
ข) ป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล
ค) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะหรือเพื่อการใช้อำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่

3.บริษัทอาจเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลจากท่านดังต่อไปนี้:

ประเภทของข้อมูลตัวอย่าง
รายละเอียดส่วนบุคคลชื่อ ชื่อกลาง, นามสกุล เพศ วันเดือนปีเกิด อายุ สัญชาติ
รายละเอียดการติดต่อที่อยู่ติดต่อ ที่อยู่อีเมล์ หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขโทรสาร บัญชีติดต่อทางเครือข่ายสังคมออนไลน์
รายละเอียดที่ใช้ในการระบุตัวตนและการยืนยันตัวตนภาพถ่ายและเลขบัตรประจำตัวประชาชน ข้อมูลหนังสือเดินทาง (ในกรณีที่จำเป็นในสถานการณ์ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้) ใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคล/ใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล บัตรยืนยันตัวบุคคลอื่น ลายมือชื่อ
รายละเอียดทางการเงินข้อมูลการแจ้งชำระเงิน ประวัติการชำระเงิน ช่องทางการชำระเงิน เลขที่บัญชี ข้อมูลบัตรเครดิต ข้อมูลบัตรเดบิต
ข้อมูลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของท่านกับบริษัทสินค้าที่ท่านใช้ สถานะความสัมพันธ์ของท่านกับบริษัท ประวัติการเข้าร่วมกิจกรรม กับบริษัท ประวัติการเข้าร่วมประชุม ประวัติการลงคะแนนเสียง ข้อมูลเกี่ยวกับหลักทรัพย์ เช่น ข้อมูลเลขที่บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ ข้อมูลเงินปันผล ข้อมูลการฝาก/ถอนหลักทรัพย์ ข้อมูลการโอนหรือเปลี่ยนผู้ถือหลักทรัพย์
ข้อมูลเกี่ยวกับหลักทรัพย์ข้อมูลเลขที่บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ ข้อมูลเงินปันผล ข้อมูลการฝาก/ถอนหลักทรัพย์ ข้อมูลการโอนหรือเปลี่ยนผู้ถือหลักทรัพย์
ข้อมูลการวิจัยตลาด ข้อมูลการตลาดและยอดขายแบบสำรวจความคิดเห็น
ข้อมูลเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยการตรวจพบข้อสงสัยหรือกิจกรรมที่ผิดปกติ ภาพถ่ายหรือภาพเคลื่อนไหวผ่านกล้องโทรทัศน์วงจรปิด บันทึกวีดีโอ
ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวศาสนา กรุ๊ปเลือด (ไม่ว่าได้รับโดยทางใด เช่น จากการถ่ายสำเนาบัตรประชาชน) ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลชีวภาพ (เช่น การจดจำใบหน้า ลายนิ้วมือ)
ข้อมูลอื่นๆบันทึกการโต้ตอบและการสื่อสารระหว่างท่านกับบริษัท ไม่ว่าช่องทาง รูปแบบหรือวิธีใดๆ ก็ตาม รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง  โทรศัพท์ อีเมล ข้อความ และการสื่อสารทางสื่อสังคมออนไลน์ / ข้อมูลเกี่ยวกับกรมธรรม์ประกันภัยและการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน / ข้อมูลใดๆ ที่ท่านให้ไว้ต่อบริษัท

ท่านต้องแจ้งข้อมูลส่วนตัวของท่านซึ่งมีความถูกต้อง ไม่หลอกลวง ไม่เป็นข้อมูลเท็จ ไม่เป็นข้อมูลของบุคคลอื่น และเป็นข้อมูลล่าสุด

  1. ที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
    บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากท่านโดยตรง เช่น เมื่อท่านทำสัญญากับบริษัท รวมถึงเมื่อท่านติดต่อกับบริษัทผ่านช่องทางใดๆ หรือเมื่อมีการเก็บข้อมูลจากการใช้คุกกี้ (และเทคโนโลยีในลักษณะเดียวกัน) และ/หรือเมื่อท่านส่งข้อมูลมายังบริษัทไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆ เป็นต้น แต่ในบางกรณีบริษัทอาจได้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาจากแหล่งอื่น ซึ่งบริษัทจะดำเนินการให้เป็นไปตามที่ฐานแห่งกฎหมาย เพื่อให้สอดคล้องตามที่ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล กำหนด
    ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวมจากแหล่งอื่น อาจรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะข้อมูลดังต่อไปนี้
    ก) บุคคลที่มีความเกี่ยวเนื่องกับท่าน ผู้แทน ผู้รับมอบอำนาจ ผู้รับมอบฉันทะ
    ข) ข้อมูลที่บริษัทได้รับจากลูกค้าองค์กรธุรกิจ ในฐานะที่ท่านเป็นกรรมการ ผู้มีอำนาจกระทำการแทน ตัวแทน ผู้ที่ได้รับมอบหมาย หรือผู้ติดต่อ
    ค) ข้อมูลที่บริษัทได้รับจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ หรือองค์กรอื่นภายใต้กฎหมาย การกำกับของรัฐ จากหน่วยงานราชการ และ/หรือ ผู้ให้บริการภายนอก (เช่น ข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะ )
  1. ข้อจำกัดในการใช้และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
    บริษัทจะใช้และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ตามวัตถุประสงค์และฐานตามฎหมายของการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ได้ระบุในนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้เท่านั้น บริษัทจะกำกับดูแลพนักงาน เจ้าหน้าที่หรือผู้ปฏิบัติงานของบริษัทมิให้ใช้และ/หรือเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านนอกเหนือไปจากวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลหรือเปิดเผยต่อบุคคลภายนอก เว้นแต่บุคคลหรือองค์กรดังต่อไปนี้ ที่บริษัทอาจเปิดเผยเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ภายใต้หลักเกณฑ์ของ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

    5.1. บริษัทในกลุ่มธุรกิจของบริษัท พันธมิตรทางธุรกิจ และ/หรือบุคคลอื่นใดที่บริษัทมีนิติสัมพันธ์ด้วย รวมถึงกรรมการ ผู้บริหาร พนักงาน ลูกจ้าง ผู้รับจ้าง ตัวแทน ที่ปรึกษาของบริษัท และ/หรือของบุคคลดังกล่าว

    5.2. ทนายความ ศาล พนักงานสอบสวน หน่วยงานป้องกันและปราบปรามการทุจริต สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ศูนย์ประสานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์ประเทศไทย และ/หรือเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจอื่นของรัฐ หรือรัฐบาล หรือที่บริษัทถูกกำหนดหรือได้รับอนุญาตให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมาย กฎระเบียบ หรือคำสั่ง

    5.3. คู่ค้า ตัวแทน หรือองค์กรอื่น (เช่น ผู้ตรวจสอบบัญชีอิสระ ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ คลังเก็บเอกสาร สถาบันการเงินในประเทศและต่างประเทศ) ซึ่งการเปิดเผยข้อมูลบุคคลส่วนบุคคลของท่านจะมีวัตถุประสงค์โดยเฉพาะเจาะจง ภายใต้ฐานทางกฎหมาย และมาตรการความปลอดภัยที่เหมาะสมของบริษัท

    5.4. บุคคลที่เกี่ยวข้องในกรณีการขายสิทธิเรียกร้อง และ/หรือทรัพย์สินของบริษัท การปรับโครงสร้างองค์กร หรือการควบรวมกิจการของบริษัท ซึ่งบริษัทอาจต้องมีการโอนสิทธิไปยังกิจการดังกล่าว รวมถึงบุคคลต่างๆ ที่บริษัทจำเป็นต้องแบ่งปันข้อมูลเพื่อการขายสิทธิเรียกร้องและ/หรือทรัพย์สิน การปรับโครงสร้างองค์กร การโอนกิจการ ข้อตกลงทางการเงิน การจำหน่ายทรัพย์สิน หรือธุรกรรมอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับกิจการ และ/หรือ ทรัพย์สินที่ใช้ในการดำเนินกิจการของบริษัท

    5.5. บุคคลภายนอกที่ให้บริการต่างๆ แก่บริษัท (เช่น ตัวแทน หรือ ผู้จ้างเหมาช่วงที่กระทำการแทนบริษัท ผู้รับจ้างการวิเคราะห์และการเปรียบเทียบทางการตลาด ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง เช่น บริษัทที่ส่งเอกสารหรือสิ่งอื่นใดแก่ท่าน ผู้บริการให้ด้านความปลอดภัย)

    5.6. ผู้ให้บริการด้านสื่อสังคมออนไลน์ (ในรูปแบบที่ปลอดภัย) หรือบริษัทโฆษณาภายนอก เพื่อแสดงข้อความให้แก่ท่าน และบุคคลอื่นใดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท

    5.7. บุคคลอื่นใดที่ให้ผลประโยชน์หรือให้บริการที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของท่าน (เช่น บริษัทประกันภัย)

    5.8. ผู้รับมอบอำนาจ ผู้รับมอบอำนาจช่วง ตัวแทน หรือผู้แทนโดยชอบธรรมของท่านที่มีอำนาจตามกฎหมายโดยชอบ
  1. มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยและการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
    6.1. บริษัทตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทจึงกำหนดให้มีมาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับการรักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อป้องกันการสูญหาย การเข้าถึง ทำลาย ใช้ แปลง แก้ไขหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่มีสิทธิหรือโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตลอดจนการป้องกันมิให้มีการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้โดยมิได้รับอนุญาต

    6.2. โดยบริษัทกำหนดให้บุคลากรของบริษัทและผู้รับจ้างภายนอกจะต้องปฏิบัติตามมาตรฐานและนโยบายความเป็นส่วนตัวที่เหมาะสม รวมถึงจะต้องจัดให้มีการดูแลรักษาข้อมูลและมีมาตรการที่เหมาะสมในการใช้ เปิดเผยหรือการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

    6.3. บริษัทจะทำลายหรือทำให้ไม่ปรากฎชื่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านทันทีที่มีเหตุผลอันเชื่อได้ว่า (1) วัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้นไม่ตรงกับการรักษาข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้แจ้งท่านไว้ก่อนหรือขณะขอความยินยอมกับท่าน และ (2) กรณีไม่จำเป็นต้องรักษาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเพื่อวัตถุประสงค์ทางกฎหมายหรือธุรกิจอีกต่อไป

    6.4. บริษัทอาจใช้บริการสารสนเทศของผู้ให้บริการซึ่งเป็นบุคคลภายนอกเพื่อให้ดำเนินการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลในฐานะผู้ประมวลผลข้อมูลของบริษัท ซึ่งผู้ให้บริการนั้นจะต้องมีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูล โดยห้ามดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนอกเหนือจากที่บริษัทกำหนด
  1. สิทธิตามกฎหมายของท่าน
    กรณีท่านประสงค์จะใช้สิทธิของท่านตามที่กฎหมายรับรอง โปรดแจ้งการประสงค์ใช้สิทธิดังกล่าวต่อ ฝ่ายกฎหมาย ผ่านช่องทางตามที่ระบุไว้ในข้อที่ 12 ของนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ โดยเจ้าหน้าที่จะติดต่อกลับไปหาท่าน เพื่อแจ้งขั้นตอนและวิธีการต่อไปตามที่บริษัทกำหนด

    7.1. สิทธิในการเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
    ท่านมีสิทธิเข้าถึงและได้รับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทมีอยู่ เว้นแต่กรณีที่บริษัทมีสิทธิปฏิเสธคำขอของท่านตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล หรือกรณีที่คำขอของท่านจะมีผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น บริษัทจะดำเนินการตามคำขอของท่านภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับคำขอ

    7.2. สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
    ท่านมีสิทธิขอให้บริษัททำการแก้ไข หรือปรับปรุงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน

    7.3. สิทธิในการขอให้ลบข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
    ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทลบหรือทำลายข้อมูลของท่าน หรือทำให้ข้อมูลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของท่านได้ เว้นแต่กรณีที่บริษัทจะมีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายในการปฏิเสธคำขอของท่าน

    7.4. สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
    ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในบางกรณี (เช่น บริษัทอยู่ระหว่างการตรวจสอบคำขอใช้สิทธิแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลหรือคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือท่านขอให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลแทนการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป)

    7.5. สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
    ท่านมีสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีที่บริษัทดำเนินการภายใต้ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย หรือเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรงหรือการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติ เว้นแต่กรณีที่บริษัทมีเหตุในการปฏิเสธคำขอของท่านโดยชอบด้วยกฎหมาย (เช่น บริษัทสามารถแสดงให้เห็นว่าการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายยิ่งกว่า หรือเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท)

    7.6. สิทธิในการขอรับหรือขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
    ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีที่บริษัทสามารถทำให้ข้อมูลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานได้โดยทั่วไปด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติและสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้งมีสิทธิขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคลภายนอก หรือขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้ส่งหรือโอนไปยังบุคคลภายนอก เว้นแต่บริษัทไม่สามารถทำได้โดยสภาพทางเทคนิค หรือบริษัทมีเหตุในการปฏิเสธคำขอของท่านโดยชอบด้วยกฎหมาย

    7.7. สิทธิในการขอถอนความยินยอม
    ท่านมีสิทธิขอถอนความยินยอมที่ท่านได้ให้ไว้กับบริษัทเมื่อใดก็ได้ ตามขั้นตอนและวิธีการที่บริษัทกำหนด เว้นแต่โดยสภาพไม่สามารถถอนความยินยอมได้

    7.8. สิทธิในการร้องเรียน
    ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หากบริษัทกระทำการอันเป็นการไม่ปฏิบัติตามพรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
  1. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ
    กรณีมีความจำเป็น บริษัทอาจจำเป็นต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ ในกรณีนี้บริษัทจะใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดในการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังพันธมิตรทางธุรกิจ ผู้ให้บริการ เจ้าหน้าที่ ตัวแทน หรือผู้รับข้อมูลของบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือด้วยวิธีการที่ปลอดภัยที่สุดเพื่อรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ซึ่งรวมถึงกรณีดังต่อไปนี้

    ก) เป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย
    ข) ได้แจ้งให้ท่านทราบถึงมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่เพียงพอของประเทศปลายทางและได้รับความยินยอมจากท่าน
    ค) ปฏิบัติตามสัญญาที่ท่านทำไว้กับบริษัท หรือตามคำขอของท่านก่อนการเข้าทำสัญญา
    ง) ปฏิบัติตามสัญญาระหว่างบริษัทกับบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นเพื่อประโยชน์ของท่าน
    จ) ป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของท่านหรือของบุคคลอื่น เมื่อท่านไม่สามารถให้ความยินยอมในขณะนั้นได้ หรือ
    ฉ) ดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะที่สำคัญ
  1. ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
    บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในระหว่างที่ท่านเป็นมีปฏิสัมพันธ์กับบริษัท และเมื่อท่านสิ้นสุดความสัมพันธ์กับบริษัท (เช่น เมื่อท่านโอนขายการถือครองหุ้นของบริษัท หรือกรณีบริษัทปฏิเสธคำขอของท่าน หรือท่านขอยกเลิกสัญญากับบริษัท) บริษัทจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามระยะเวลาที่เหมาะสมและจำเป็นสำหรับข้อมูลส่วนบุคคลแต่ละประเภทและวัตถุประสงค์ตามที่พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด
    บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามอายุความ หรือระยะเวลาที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด (เช่น กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กฎหมายการบัญชี กฎหมายภาษีอากร กฎหมายแรงงาน และกฎหมายอื่นที่บริษัทต้องปฏิบัติตาม ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ)
  1. การใช้คุกกี้ (และเทคโนโลยีในลักษณะเดียวกัน)
    บริษัทอาจมีเก็บรวบรวมและ/หรือใช้คุกกี้และเทคโนโลยีในลักษณะเดียวกัน เมื่อท่านใช้บริการของบริษัท รวมถึงการใช้เว็บไซต์ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และแอปพลิเคชันของบริษัท

    คุกกี้และเทคโนโลยีในลักษณะเดียวกันดังกล่าวนั้นจะช่วยให้บริษัทสามารถจดจำท่าน ทราบถึงความชื่นชอบของท่าน และปรับปรุงวิธีการที่บริษัทจะเสนอบริการให้แก่ท่าน บริษัทอาจใช้คุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ (เช่น ช่วยให้บริษัทเข้าใจวิธีการที่ท่านใช้งานเว็บไซต์ของบริษัทหรืออีเมล และเพื่อให้มั่นใจว่าสื่อโฆษณาออนไลน์ที่ได้แสดงแก่ท่านมีความเกี่ยวข้องและเป็นสิ่งที่ท่านสนใจยิ่งขึ้น)

  2. การใช้ข้อมูลส่วนบุคคลตามวัตถุประสงค์เดิม
    บริษัทมีสิทธิในการเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทได้เก็บรวบรวมไว้ก่อนวันที่พรบ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวม การใช้ และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับ ต่อไปตามวัตถุประสงค์เดิม หากท่านไม่ประสงค์ที่จะให้บริษัทเก็บรวมรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวต่อไป ท่านสามารถแจ้งบริษัทเพื่อขอถอนความยินยอมของท่านเมื่อใดก็ได้
  1. ช่องทางการติดต่อบริษัท
    ฝ่ายกฎหมาย
    บริษัท ทานตะวันอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน)
    ที่อยู่ : 123 อาคารซันทาวเวอร์ส เอ ชั้นที่ 32 แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900
    โทร: 02-273-8333
    Email: [email protected]

    ในกรณีที่ท่านใช้อีเมลหรือจดหมายเพื่อส่งคำร้องเรียนของท่าน โปรดระบุที่ส่วนหัวเรื่องว่าเป็นคำร้องเรียนเกี่ยวกับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งจะช่วยให้บริษัทดำเนินการคำร้องเรียนของท่านโดยเร่งด่วนได้โดยส่งต่อไปยังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในองค์กรของบริษัทเพื่อดำเนินการต่อไป ตัวอย่างเช่น ท่านอาจแทรกข้อความในส่วนหัวเรื่องว่า “คำร้องเรียนเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว”
  1. การเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัว
    บริษัทอาจเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขเพิ่มเติมนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้เพื่อให้สอดคล้องต่อกฎหมายหรือกฎระเบียบในปัจจุบัน โดยบริษัทจะแจ้งนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับปัจจุบันไว้ที่เว็บไซต์ของบริษัทำ www.thantawan.com หรือบนแพลตฟอร์มอื่นของบริษัท