THIP โชว์ยอดขายทั้งในและต่างประเทศบูม Q2/65 ดันกำไรพุ่ง 62% อยู่ที่ 101 ลบ.โกยยอดขายกว่า 1,054 ลบ.สิงหาคม 17, 2022

บมจ.ทานตะวันอุตสาหกรรม หรือ THIP” ประกาศงบไตรมาส 2/2565 มีกำไร 101 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน  62.3% กวาดยอดขาย 1,054.1 ล้านบาท เติบโต 15.6 % ตามคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น ประเมินแนวโน้มครึ่งปีคาดเติบโตต่อเนื่องจากตลาดบรรจุภัณฑ์ วางเป้าธุรกิจปี 2565 แข็งแกร่งเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต รวมถึงการทำตลาดลูกค้าใหม่เอื้อธุรกิจเติบโตระยะยาว พร้อมเสริมความแข็งแกร่งแบรนด์ SUN ให้เป็นที่รู้จักเพิ่มขึ้น

นางพจนารถ ปริญภัทร์ภากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทานตะวันอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ THIP ผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์คุณภาพระดับสากล เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทในงวดไตรมาส 2/65 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 101 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.7 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 62.3% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 62.2 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิต่อหุ้น 1.12 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/2564 ที่มีกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.69 บาทต่อหุ้น ขณะที่รายได้รวมจากการขายอยู่ที่ 1,054.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 142.3 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 15.6% จากงวดเดียวกันปีก่อน ซึ่งมีรายได้รวมจากการขาย 911.8 ล้านบาท และมีอัตรากำไรขั้นต้นคิดเป็น 20.06% ของยอดขาย เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 17.33%

“ยอดขายต่างประเทศโดยรวมมีการเติบโตต่อเนื่อง รายได้ส่วนใหญ่เติบโตขึ้นจากความต้องการของลูกค้าในตลาดยุโรป อเมริกา และเอเชียที่มีเพิ่มมากขึ้น โดยการขายต่างประเทศเพิ่มขึ้น 120.9 ล้านบาท หรือร้อยละ 15.3 ส่วนตลาดในประเทศฟื้นตัวหลังจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ผ่อนคลายลง โดยยอดขายในประเทศเติบโต ร้อยละ 17.8 ผลิตภัณฑ์ที่เติบโตได้ดีมาจากทั้งกลุ่มถุงและกลุ่มหลอดดูดเครื่องดื่ม” นางพจนารถกล่าว

สำหรับแนวโน้มธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง คาดยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องจากตลาดบรรจุภัณฑ์ โดยบริษัทฯ ยังคงเดินหน้าหาตลาดลูกค้าใหม่ เพื่อเอื้อธุรกิจเติบโตในระยะยาว พร้อมเสริมความแข็งแกร่งแบรนด์ SUN ให้เป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น รุกพัฒนาช่องทางการขายครบทุกแพลตฟอร์ม เพื่อเข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

อย่างไรก็ดี ในปี 2565 บริษัทมีแผนพัฒนาประสิทธิภาพการผลิต เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการลดต้นทุนอย่างยั่งยืน และยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ต้นทุนจากการผลิตไม่เพิ่มขึ้นตามปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น